----------------------
----------------------
ความเชื่อ ความหวัง และทางเลือกที่มีต่อยานวัตกรรม ของ “ออย ไอรีล”
นิยามยุคแห่งเทคโนโลยีและนวัตกรรมเป็นความหมายของการพัฒนามนุษย์ในด้านการเรียนรู้ ความคิดสร้างสรรค์ การลองผิดลองถูกอย่างไม่หยุดยั้ง นั่นหมายความว่าอนาคตอันใกล้สิ่งที่ถูกสร้างขึ้นเหล่านี้กำลังเป็นความหวังในการใช้ชีวิตของเราแทบจะทุกด้าน โดยเฉพาะวิทยาการทางด้านสุขภาพ นั่นเพราะทุกชีวิตคือทรัพยากรที่มีคุณค่าและสมควรที่จะได้ใช้ชีวิตในแบบที่ตัวเองต้องการได้อย่างเต็มที่ เทคโนโลยีและนวัตกรรมที่มนุษย์ผลิตขึ้นกำลังตอบโจทย์เหล่านั้น
หากย้อนไปเมื่อ 10 ปีที่แล้วโรคมะเร็งคงเป็นเรื่องน่ากลัวสำหรับใครที่ต้องเผชิญกับโรคนี้ แต่ไม่ใช่สำหรับผู้หญิงแกร่งที่ชื่อ “ออย ไอรีล” เธอตรวจเจอมะเร็งเต้านมเมื่อปี 2554 ได้รักษาตามขั้นตอนปกติเรื่อยมาแต่มะเร็งก็กลับมาเป็นอีกครั้ง เธอจึงได้มารู้จักเทคโนโลยีและนวัตกรรมยาที่ช่วยเพิ่มความหวังในการรักษา ลบภาพจำผู้ป่วยมะเร็งในแบบที่คนทั่วไปคิด ว่าต้องนอนติดเตียง ไม่สามารถทำกิจกรรมได้ แต่เธอกลับยังสามารถใช้ชีวิตปกติในแบบที่เธอต้องการได้
“ออยรักษามะเร็งมาตั้งแต่ปี 54 จนตอนนี้ปี 63 แล้ว แต่ช่วง 5 ปีหลังได้ยินเรื่องการทดลองและวิจัย นวัตกรรมยาใหม่มาตลอด ช่วงแรกที่เริ่มเป็นโรคช่วงนั้นก็ยังใช้ยาที่ยังอยู่ในไกด์ไลน์หรือขั้นตอนการรักษาปกติ แต่พอโรคลุกลาม ก็เริ่มได้ยินว่ามีการวิจัยนวัตกรรมยาเพื่อมาช่วยควบคุมโรค ช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยให้ดีขึ้นคุณหมอเองก็บอกว่าถ้าเป็นระยะลุกลามแล้วก็คงไม่หาย เราก็เลยอยากรู้ว่าเราจะต้องทำไงเพื่อช่วยควบคุมโรคของเราให้ยืดอายุให้ยาวที่สุด หรือมีคุณภาพชีวิตได้ดีที่สุด”
“ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาสังเกตว่ามี innovative medicine ใหม่ ๆ เช่น Hormone Therapy, Targeted Therapy หรือแนวทางการรักษาแบบ precision medicine คือ การใช้ยาตรงกับผู้ป่วยมะเร็งโดยเฉพาะ รู้สึกว่ามีการพัฒนาอย่างไม่หยุด”
ออยพูดด้วยน้ำเสียงสดใส ถ้ามองภายนอกแทบดูไม่ออกว่าเธอเป็นผู้ป่วยมะเร็งระยะลุกลาม ซึ่งในระยะของโรคถือว่าเป็นช่วงที่น่ากังวลอย่างมากแล้ว แต่ออยกลับดูสบาย ๆ ไม่เหมือนผู้ป่วยมะเร็งในภาพจำของใครหลายคนสักเท่าไหร่ เพราะเธอบอกว่า การได้รับยานวัตกรรมมันเปลี่ยนชีวิตและเป็นความหวังในการรักษา รวมถึงสร้างกำลังใจได้อย่างมหาศาล
“มันเป็นความหวังเลยนะ ตอนที่ไปหาหมอเมื่อปี 60 แล้วหมอบอกว่ามะเร็งมันลุกลามไปที่ปอดและแพร่กระจาย หมอก็บอกตรง ๆ ว่าครั้งนี้อาจจะไม่หาย ก็ต้องควบคุมและอยู่กับโรคไป แต่หมอก็แนะนำว่ามันมียานะเป็น Targeted Therapy ผลการวิจัยมันดีมากเลย สำหรับคนที่ป่วยเป็นมะเร็งเต้านมสามารถใช้แล้วควบคุมโรคได้ เหมือนเรายังเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ เรายังเห็นความหวัง ก่อนหน้าเรารักษาด้วยยาตามไกด์ไลน์หมดแล้ว ยาบางตัวเราก็เริ่มดื้อแล้ว พอมันมีนวัตกรรมยาที่ไล่ตามโรคออกมาใหม่ ๆ เราก็มีความหวังเพิ่มขึ้น แม้ว่ามันจะไม่หายแต่ก็ควบคุมโรคได้ ยังทำให้เรามีความหวังในการมีชีวิตอยู่และเราอาจจะอายุยืนยาวไปได้”
การได้รับยานวัตกรรมช่วยให้ออยสามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติ แต่อย่างไรเธอก็ยังต้องดูแลสุขภาพและเชื่อฟังคำแนะนำของคุณหมอ แต่ก็ไม่ได้เคร่งครัดจนรู้สึกเครียด การหาสมดุลในการใช้ชีวิตและอยู่กับโรคได้อย่างพอดี คือวิถีการรับมือที่เธอคิดว่าดีต่อสุขภาพกายและสุขภาพจิต เพราะยังสามารถใช้ชีวิตในแบบที่ตัวเองอยากทำ มะเร็งไม่สามารถพรากชีวิตที่เธออยากมีไปได้
ออยบอกว่าไม่เคยคิดว่าตัวเองสู้กับมะเร็ง เพราะถ้าสู้กลัวว่าจะต้องเหนื่อยแล้วสักวันอาจจะท้อถอยไป เธอเพียงแต่เรียนรู้ เข้าใจ และทำความรู้จักกับโรคที่ตัวเองเป็นให้ได้มากที่สุด จึงเริ่มสืบค้น สอบถาม และไม่หยุดที่จะศึกษา เพื่อให้ตัวเองมีทางเลือกในการรักษามากที่สุด เพราะออยเชื่อว่าคนไข้ทุกคนสามารถเลือกวิธีรักษาโรคได้ด้วยตัวเอง
“เกิดจากความที่เรารู้สึกว่าอยากอยู่รอดนะ จะเป็นอะไรก็ได้ที่เป็นข้อมูล ตัวเลือกในการรักษา หรือเป็นความรู้ประกอบในการไปถามคุณหมอ เราอยากจะเข้าใจถึงสิ่งที่เราเป็น แนวทางการรักษา มันเลยเกิดจากการหาข้อมูล ต้องยอมรับว่าการหาข้อมูลในปัจจุบันก็ไม่พ้นการค้นหาจากอินเทอร์เน็ต แล้วก็จะเอาไปปรึกษาหมอเลยค่ะ อย่างตอนที่รู้ว่าต้องเปลี่ยนยาเป็น innovative ออยก็อยากรู้ว่ามีงานวิจัยอะไรที่รองรับ ดียังไง เรารู้สึกว่านี่คือชีวิตเราก็มีสิทธิ์รู้ มีสิทธิ์ตัดสินใจ หรือได้รับความเห็นจากคุณหมอท่านอื่น ๆ ด้วยว่าเขามองไปทางเดียวกันไหม เราค่อนข้างเป็นคนไข้ที่จะกล้าพูด กล้าถาม และรู้จักหาโอกาสให้กับตัวเองหลาย ๆ ทาง”
แม้จะรู้สึกว่าตัวเองโชคดีที่มีโอกาสเข้าถึงยานวัตกรรม และก็อยากให้ข้อมูลตรงนี้ส่งไปถึงผู้ป่วย ผู้สนใจ หรือเข้าถึงทุก ๆ คนได้เหมือนกัน เพราะออยหวังว่าโรคมะเร็งที่น่ากลัวในวันหนึ่งจะกลายเป็นเพียงโรคประเภทอื่น ๆ ที่ทุกคนสามารถรักษาและหายได้ ขจัดความกลัวและพร้อมรับมือไปกับมัน
“สำหรับผู้ป่วยเอง เขาต้องมีความเชื่อก่อนว่ามะเร็งสามารถรักษาหายได้ มีคุณภาพชีวิตที่ดีได้ไม่ต่างจากคนทั่วไป ให้เลิกมองโรคมะเร็งด้วยทัศนคติที่ว่าเป็นมะเร็งเท่ากับตาย มันเปลี่ยนไปแล้ว นวัตกรรมมันดีขึ้น การตรวจคัดกรองดีขึ้น เป็นโรคที่รับมือได้ ออยมองเห็นความพยายามของผู้ผลิต ผู้วิจัยยานวัตกรรม หมอหรือบุคลากรทางการแพทย์ที่จะช่วยทำให้เราหายขาดจากโรคแล้วมีคุณภาพชีวิตที่ดี วันหนึ่งออยคิดว่าโรคมะเร็งอาจจะเป็นโรค ๆ หนึ่งที่เราสามารถควบคุมได้ เหมือนโรคเบาหวาน ความดัน อยากให้กำลังใจผู้ป่วยว่าต้องดูแลตัวเองให้ดี”
“ต้องเชื่อวิทยาการและนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่จะช่วยส่งเสริมเราให้เรามีความหวัง ออยก็พูดกับครอบครัวและเพื่อนว่าออยก็จะอยู่ยาว ๆ เดี๋ยวก็มียาใหม่มา เราเห็นความพยายามของทุกภาคส่วนที่จะทำให้มันสำเร็จ ถ้ามองย้อนกลับไปมันดีขึ้นเรื่อย ๆ ไม่เคยแย่ลง กลายเป็นโรคที่เรามีแนวรักษาชัดเจนมากขึ้นเรื่อย ๆ”
เป็นการสัมภาษณ์สุดแสนจะผ่อนคลายเกินกว่าที่จินตนาการไว้ เพราะออยช่างแตกต่างจากผู้ป่วยมะเร็งที่เราเห็นในทีวีอย่างที่กล่าวในแรก แต่นั่นก็ยิ่งทำให้เราได้รู้ว่าเธอเข้มแข็งและแข็งแรงแค่ไหน ที่สำคัญยังสามารถส่งพลังงานดี ๆ จนเราสัมผัสได้ ความหวังและความเชื่อที่ปรากฏอย่างชัดเจนต่อการพัฒนาและวิธีการรักษาใหม่ ๆ ด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ไม่เคยหยุดยั้ง มีผลต่อกำลังใจในการอยู่กับโรค และจะไม่หมดหวังในการรักษาและการใช้ชีวิตต่อไป
ออย ไอรีล ไตรสารศรี : ผู้ก่อตั้ง ART for CANCER
ตรวจเจอมะเร็งเต้านมครั้งแรกเมื่อปี 2554 ขณะนั้นเธออายุ 27 ปี และทำให้ชีวิตของเธอพลิกผัน จากหญิงสาวที่กำลังจะเดินทางไปเรียนต่อต่างประเทศกลับต้องพักรักษาตัวจนเชื้อมะเร็งหายไป ไม่กี่ปีหลังจากนั้นมะเร็งก็กลับมาหาเธออีกครั้ง แต่โรคนี้ก็ไม่สามารถพรากการใช้ชีวิตไปจากออยได้ เธอได้ทำงานภายใต้โครงการ ART for CANCER by Ireal ด้วยการใช้วิชาศิลปะที่เธอเรียนมาเป็นสื่อกลางที่จะช่วยเหลือผู้ป่วยมะเร็งยากไร้ ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น